วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561

ดวงตาที่สาม(นิมิต)

ตาดวงที่สาม(นิมิต)
ในหนังสือของเดล คาร์เนกี ตอนหนึ่งเขียนว่า "สองคนมองลอดกรงขังในเรือนจำ คนหนึ่งมองเห็นโคลน และ อีกคนมองเห็นดาว" ในสังคมที่ปราศจากนิมิตคนในสังคมนั้นคลำอยู่ในโลกมืดที่ไร้แสงสว่างนำทาง สังคมที่ไร้นิมิตจะจมอยู่ในปลักของสิ่งเก่าๆที่ไม่อาจจะพัฒนาการไปสู่การสร้างสรรค์ใดๆได้ กษัตรย์โซโลมอนจึงเขียนไว้ว่า "ที่ใดไม่มีนิมิตที่นั่นคนจะพินาศ" องค์พระเยซูทรงมองเห็นนิมิต "กำแพงกรุงเยรูซาเล็มถูกข้าศึกล้อมและทำลาย"ในขณะที่สาวกของพระองค์บางคนชมว่า "กำแพงเยรูซาเล็มแสนงาม" นิมิตช่วยให้เราเห็นตัวตนของเราในอนาคตที่ยาวไกล เราเรียกการมองเห็นนี้ว่า "วิสัยทัศน์" เราคงไม่สามารถมองเห็นมหาจักรวาลด้วยตาสองข้างเพราะว่ามันอยู่ไกลสุดวิสัยแห่งสายตาของเรา แต่กล้องของยานฮับเบิ้ลได้ส่งภาพห้วงอวกาศกลับมายังโลกทำให้เรามองเห็นโลกของเราหมุนอยู่ในห้วงมหาสุริยะจักรวาลของกลุ่มทางช้างเผือก “ตาเป็นประ‌ทีปของร่าง‍กาย เพราะ‍ฉะนั้นถ้าตาของท่านปกติ ทั้งตัวของท่านก็พลอยสว่างไปด้วย แต่ถ้าตาของท่านผิดปกติ ทั้งตัวของท่านก็พลอยมืดไปด้วย เพราะ‍ฉะนั้นถ้าความสว่างซึ่งอยู่ในตัวท่านมืดไป ความมืดนั้นจะหนา‍ทึบสักเพียง‍ใดหนอ" "พระเยซูทรงสอนถึงนิมิตว่า "ความสว่างซึ่งอยู่ในตัวท่าน" พระองค์สอนถึงดวงตาภายในจิตวิญญาณของเรา(insight) ดังนั้นให้เราแสวงหาเปิดตาดวงนี้ โดยการเข้าเฝ้าพระเจ้าโดยการอธิษฐานและการภาวนาพระวจนะอย่างจริงจัง เราจะได้รับนิมิตแห่งปัญญาญาณเป็นพิเศษ "สิ่งที่ตามองไม่เห็นและหูไม่ได้ยินพระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น